เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๕ ก.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะ สัจธรรมๆ สิ่งที่สัจธรรมไม่มีกาลไม่มีเวลา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราสวดมนต์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม

แต่ตอนนี้เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูกิเลส เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูความทุกข์ความยาก เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูน้ำตา น้ำตาจะท่วมทางจงกรม

เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เราเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าพระพุทธศาสนาไม่มีสัจจะไม่มีความจริง มันไม่ยืนยงคงมา ๒,๕๐๐ กว่าปี

แล้วถ้าเป็นลัทธิศาสนาอื่นต่างๆ ในทางประวัติศาสตร์ ถ้าเขาวิเคราะห์วิจัยแล้ว มันไปจากพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น มันไปจากพระพุทธศาสนานี่แหละ แต่เขาไปดัดแปลงของเขาให้เป็นลัทธิความเชื่อของเขา แต่ความจริงก็ไปจากพระพุทธศาสนานี่แหละ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาพุทธะ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาต้องให้มีการพิสูจน์ พระพุทธศาสนา นี่พระพุทธศาสนามันยิ่งใหญ่

มันเป็นประเพณีวัฒนธรรม มันกำลังจะเข้าพรรษา เขาก็ประโคมๆ กันไป พยายามกระตุ้นให้พวกเราชาวพุทธๆ ให้เข้าใกล้พระพุทธศาสนา

เวลาเข้าใกล้พระพุทธศาสนา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาให้ไปทำบุญข้างบ้านนะ วัดข้างบ้านๆ น่ะ วัดที่ไหนที่ข้างบ้านให้เราไปทำบุญ ถ้าเราทำไม่ได้เพราะเราใกล้ชิด เราไปเห็นความประพฤติของพระแถวนั้น เราก็ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เวลาเราจะทำบุญกุศลของเรา เราระลึกถึงรัตนตรัยของเรา เราระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม พระอริยสงฆ์ต่างๆ ท่านปฏิบัติขึ้นมาจนจิตใจท่านเป็นธรรม

ถ้าเราไม่มีที่จะทำบุญ เราก็นึกอย่างนั้น ให้นึกถึงพระพุทธเจ้า ให้นึกถึงสัจธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ ให้นึกถึงพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา ที่ทำบุญกุศลขึ้นมาได้เป็นหลักชัยของเรา เป็นรัตนตรัยของเรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเผยแผ่ธรรมส่งต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ขึ้นมา

ตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไป สงฆ์ไม่เคยขาดจากโลก ถ้าสงฆ์ที่ขาดจากโลกมันจะบวชพระไม่ได้

เวลาบวชพระขึ้นมา พระ ๑๐ องค์ ญัตติขึ้นมา ยกจากฆราวาสให้มาเป็นพระๆ เป็นพระเป็นผู้ที่ศึกษาทรงจำธรรมวินัยต่อเนื่องกันมา แล้วถ้ามีผู้ที่มีบุญกุศล ผู้มีบุญกุศลพยายามขวนขวายประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้มันเป็นสัจจะเป็นความจริง เห็นไหม

เวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจำธรรมวินัยไว้ เราถนอมรักษากันมา เวลาเขาค้ำโพธิ์ๆ ค้ำโพธิ์เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา เวลาศึกษาๆ มา ศึกษาเพื่อให้มีความรู้ ถ้ามีความรู้ ความรู้ในหัวใจของตนไง ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่มีบุญ มันจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาให้มันเป็นข้อเท็จจริงขึ้นมา เห็นไหม

มันมีแต่ชื่อ มันมีแต่ยี่ห้อ แต่มันไม่เป็นความจริงขึ้นมา เพราะมันไม่เป็นความจริงขึ้นมา เราถึงได้ทุกข์ได้ยากกันอยู่นี่ไง

แต่เราเป็นคนมีบุญ เราเป็นคนมีบุญเพราะอะไร เพราะเราใฝ่ใจ การใฝ่ใจ การขวนขวายการกระทำ นี่เป็นคนที่มีบุญ คนที่ไม่มีบุญเขาไม่ใส่ใจ เขาไม่ขวนขวายของเขา เขาไม่ใส่ใจ ไม่ขวนขวายของเขา เขาจะไม่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์กับเขา เขาว่าเขาเป็นคนมีความสุข เขาว่าเขาเป็นคนที่มีทรัพย์สมบัติ เขาว่าเขาเป็นคนที่มีอำนาจวาสนา

คนที่มีอำนาจวาสนาก็มีอำนาจวาสนาเพราะได้เกิดเป็นมนุษย์ พอได้เกิดเป็นมนุษย์มีกฎหมายคุ้มครอง เพราะได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีสติมีปัญญา มีสติปัญญา สติปัญญาไปใช้เอาทางโลก ไปใช้ในชีวิตปัจจุบันนี้ไง

แต่สิ่งที่ได้มาได้มาๆ มันได้มาด้วยบุญกุศลนะ ได้มาด้วยการกระทำที่ดีงามขึ้นมา ถ้าได้การกระทำที่ดีงาม เราใฝ่ใจ เรามีการกระทำขึ้นมา เราจะแสวงหาความจริงในใจของเรา

เราอุตส่าห์มาประพฤติปฏิบัติ เราเสียสละมา เสียสละบ้านเรือน เสียสละครอบครัวทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วเราอุตส่าห์ขวนขวายมา ถ้าเราขวนขวายมา เรามาแล้วเราเอาหัวใจไว้ในร่างกายนี้ เราเอาหัวใจไว้ในปัจจุบันนี้ เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เพื่อสติเพื่อปัญญาของเรา เพื่อสติปัญญาของเรา เห็นไหม

คนดี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ทิ้งพระเจ้าสุทโธทนะ ทิ้งนางพิมพา ทิ้งสามเณรราหุลไว้ที่ราชวัง แล้วท่านมาขวนขวายอยู่ ๖ ปี ท่านจะมาประพฤติปฏิบัติ ท่านกระทำของท่าน ท่านทำเพื่อประโยชน์กับท่าน

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราจะเอาความจริง เอาจริงเอาจังของเรา ตอนนี้สิ่งใดที่เป็นบ้านเป็นเรือนของเรา เป็นตระกูลของเรา เอาไว้ที่บ้านนั้น แล้วเราพยายามขวนขวายของเรา เราพยายามทำความจริงของเรา เราปลุกปลอบหัวใจของเราขึ้นมา มันทุกข์มันยากทั้งนั้นน่ะ

บุญกิริยาวัตถุ คนนอนสบาย นอนตีแปลง เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านอนสีหไสยาสน์ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลวงตาท่านบอกว่านอนเหมือนคนตาย

คนตายมันไม่มีสติไม่มีปัญญา ถ้าเราจะกิน เราจะนอน เราก็มีสติปัญญา บุญกิริยาวัตถุ จะนอนสบาย จะกินสบาย จะอยู่สบายก็แล้วแต่ เราไปวัดไปวาเราจะไปบังคับตัวเราเอง เราเป็นผู้ที่เสียสละ

การเสียสละสิ่งนี้มามันก็เป็นบุญกุศลแล้ว บุญกิริยาวัตถุ เราจะทำอย่างไรก็ได้ตามความสะดวกสบายของเรา เราจะทำอย่างไรก็ได้ตามแต่กิเลสมันบงการ เรามาสำรวมระวัง เรามาใช้สติปัญญาใคร่ครวญดูหัวใจของเราเพื่อหาประโยชน์กับเราไง

แล้วเรามาใคร่ครวญดูหัวใจของเราแล้วดูเจอไหมล่ะ

มันไปเจอแต่มารน่ะ ไปเจอแต่ไฟสามกอง โทสัคคินา โมหัคคินา โลภัคคินา ไปโดนความโลภ ความโกรธ ความหลง หลงในอะไร หลงในมรรคผลนิพพาน อยากจะประพฤติปฏิบัติได้มรรคผลๆ

ไม่ต้องไปหลงไปใหล มรรคผลนิพพานเป็นสัจจะเป็นความจริงอยู่แล้ว เพียงแต่เราค้นหาไม่ได้ เราไม่มีเครื่องมือเข้าไปไง

ดูสิ เวลาของที่เป็นความร้อน เวลาเขาตีเหล็กๆ เหล็กในเตาหลอมเขาต้องมีคีมเข้าไปคีบมันออกมา นี่ก็เหมือนกัน หัวใจๆ มีอะไรเข้าไปหามัน มีอะไรเข้าไปจับต้องมัน มันจับต้องไม่ได้ มันมีแต่ฟืนแต่ไฟไง มันมีแต่มันหลอกไง เงาของจิต เงาของจิตคือความรู้สึกนึกคิด มีแต่สร้างภาพ มีแต่เสือสางทั้งนั้นน่ะมันคอยจะตะครุบจะตะปบเอานั่นน่ะ ไม่มีสติปัญญาเท่าทันเลย

เวลาหลวงตาท่านมาอยู่ในป่าในเขาท่านบอก กลัวเสือมาก กลัวเสือมาก เวลาสติปัญญามันไล่มา สติปัญญา เงามัน เงาที่มันสร้างภาพขึ้นมาให้เป็นเสือเป็นสางไง

เสือมีกระดูก เราก็มีกระดูก เสือมีเนื้อ เราก็มีเนื้อ เสือมีหนัง เราก็มีหนัง เสือมีขน เราก็มีขน เสือมีกระเพาะ เราก็มีกระเพาะ เสือมันมีอะไร เราก็มีทุกอย่างเลย แล้วไปกลัวอะไรมัน เพราะอะไร

เพราะคำว่า “เสือ” เสือมันเป็นสัตว์นักล่า สัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร มันเห็นเนื้อ มันจะล่าเพื่อเป็นอาหารของมัน มันก็เป็นเสือ คำว่า “เสือ” เวลามันแยกเสือออกไง เสือมีกระดูก เราก็มี เสือมีเนื้อ เราก็มี เสือมีหนัง เราก็มี พอแยกเป็นเนื้อหนังมังสา เราก็เหมือนกัน นี่มันไร้สาระ ถ้าไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน ไม่มีสิ่งใดที่บาดหมางกันมา เขาคงไม่มาทำเรา เราเป็นผู้ที่ทรงศีล เรามีศีลมีธรรมขึ้นมา เสือมันจะมาตะครุบพระขี้โง่ ว่าอย่างนั้นเลยนะ

ท่านพูดประจำ พระหนักแผ่นดิน พระหนักศาสนา ท่านพูดอย่างนั้นนะ หลวงตาท่านพูด ถ้าเป็นพระต้องเป็นพระที่มีสัจจะ มีศีลมีธรรม เสือมันจะมากินแต่พระขี้โง่ให้ไอ้ความโลภ ความโกรธ ความหลงมันหลอก ไอ้เงามันหลอกตัวเองจนกลัวจนตัวสั่น กลัวจนขนพองสยองเกล้าอยู่นี่ เพราะไอ้ความกลัวมันไม่สมกับความเป็นพระ

เวลาปัญญามันไล่ไปๆ มันวางหมดเลย

จากที่กลัว กลัวแสนกลัวนะ กลัวนี่คืออาการนะ กลัวนี่คือเงา เงาของจิต เพราะเรารู้โดยสัญชาตญาณว่าเสือมันนักล่า เรารู้โดยสัญชาตญาณว่าเสือมันกินคน เรารู้โดยสัญชาตญาณ เรารู้ทุกอย่างเลยว่าพฤติกรรมของเสือมันเป็นอย่างไร นี่ไง เงาทั้งนั้นเลย แล้วเราก็กลัวจนตัวสั่นไปหมดเลย แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันมีจริงหรือเปล่า แต่มันก็สร้างภาพ เสือนั่งอยู่ทางจงกรมนี้นะ เดินไปทางหัวทางจงกรม เสือมันหมอบอยู่นั่นน่ะ ทั้งๆ ที่มันไม่มี

นี่ไง พูดถึงว่า สิ่งที่ว่าจะเข้าไปหาใจของตนๆ น่ะ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เวลาไปอยู่ในป่าในเขาก็กลัวเสือ กลัวจนตัวสั่น ไอ้เรามาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ก็คิดแต่เรื่องข้างนอกหมดเลย พุทโธๆ หกล้ม พุทโธมันสะดุดขาตัวเอง พุทโธไม่ต่อเนื่องเลย แล้วจะพบใจมันได้อย่างไร จะค้นหาใจเราได้อย่างไร

เราอุตส่าห์มานะ เราเสียสละลางานมา ลางานมามันลงบันทึกแล้ว ลากี่วัน ปีนี้ได้ลาเท่านี้ เราเสียสิทธิ์มาทุกอย่างเลย เราเสียสละมาทุกอย่าง แล้วทำไมมาถึงที่นี่แล้วทำไมเราสติอ่อนแอให้กิเลสมันเหยียบย่ำทำลายอย่างนี้ ถ้ามันให้กิเลสเหยียบย่ำทำลายอย่างนี้ ตั้งสติขึ้นมา

สติสัมปชัญญะนี่นะ มันสามารถกั้นความรู้สึกนึกคิดเราได้

คนที่ภาวนามานะ เวลาพระบวชอยู่ในป่าในเขา มันด้วยเวรด้วยกรรม ไปเจอผู้หญิง ช็อกเลย ไปรักเขา สติปัญญามันก็สามารถละได้

มีครูบาอาจารย์หลายองค์นะ ไม่เคยพบไม่เคยเห็นกันมา พอมันเห็นครั้งแรกมันช็อกเลย นั่นน่ะแสดงว่ามันมีสายบุญสายกรรมกันมา ท่านก็มาอดนอนผ่อนอาหารใช้สติปัญญานะ จนปล่อยวางได้ จนท่านรักษาสมณเพศของท่าน ท่านรักษาชีวิตของท่าน จนท่านเป็นหลวงปู่ หลวงตา เป็นครูบาอาจารย์ของเราที่น่าเคารพเลื่อมใส นั่นก็เพราะด้วยสติด้วยปัญญาของท่านทั้งสิ้น

ด้วยสติปัญญามันสามารถแก้ได้ทั้งสิ้นถ้าคนมีสติปัญญา สติมันแก้ได้หมดเลย ถ้าเรามีสตินะ

แต่นี่บอกว่าสติตั้งไว้บนสมอง แล้วก็คิดไปรอบโลกเลย นั่นสติของมึงหรือ สติมันเอาชื่อมาแขวนไว้ที่หน้าผากไง เขียนที่หน้าผากสลักไว้เลย ‘สติ’ แล้วมันก็คิดไปบ้าบอคอแตกไปทั่วเลย ไม่ใช่

สติคือความระลึกรู้ ระลึกรู้ที่มันจะคิด มันคิดไม่ได้ถ้าสติมันพร้อม ถ้ามันพร้อมขึ้นมา ถ้าสติมันพร้อมมันไม่คิด มันไม่ยุแหย่ มันไม่สร้างกลไกขึ้นมาในหัวใจของเรา มันจะสร้างเสือขึ้นมาไหม มันจะไปห่วงบ้านห่วงเรือนไหม

วันจะมา แหม! ล็อกกุญแจอย่างดีเลยนะ เก็บของพับไว้อย่างดีเลย มาถึงวัดคิดตลอดว่ากูยังไม่ได้ทำนั่น ยังไม่ได้ทำไอ้นี่ ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย ทั้งๆ ที่ก่อนมาพับไว้อย่างดีเลย ตอนปัจจุบันที่ก่อนมาก็ทำไว้ดีแล้ว พอมาอยู่วัด กิเลสมันยุมันแหย่มันหลอกมันลวงขึ้นมา คิดไปร้อยแปด

ถ้าคิดไปร้อยแปด ถ้าในปัจจุบันนี้เรามาอยู่วัดอยู่วา เรามาฝึกหัดภาวนากันอยู่ สิ่งใดที่จะเกิดขึ้นที่บ้านของเรา ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้หรอก ยกเว้นแต่กริ๊ง! โทรศัพท์มา โทรศัพท์มาก็แก้อะไรไม่ได้หรอกเพราะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กิโลเมตร

นี่โดยข้อเท็จจริงเราทำอะไรไม่ได้เลย โดยข้อเท็จจริงน่ะ โดยข้อเท็จจริงเราอยู่กับทางจงกรม โดยข้อเท็จจริงเราจะนั่งสมาธิภาวนา โดยข้อเท็จจริง แต่โดยอาการ โดยความมัวเมา โดยการหลองการลวงมันสร้างภาพ ความคิดคือการสร้างภาพ สร้างให้เห็นเป็นเรื่องๆๆ แล้วเรื่องอะไรที่มันพอใจคิดต่อเนื่องๆ

ถ้ามีสติ หยุด สติฝึกหัด แล้วจะเห็นคุณค่าของมัน ถ้าเห็นคุณค่าของมันนะ แล้วค่อยๆ ฝึกหัดต่อเนื่องไปๆ แล้วธรรมดาน้ำขึ้นน้ำลง ดูฤดูกาลเปลี่ยนทุกปี เดี๋ยวน้ำหลาก เดี๋ยวภัยแล้ง มีมาอยู่อย่างนี้ตลอด ความรู้สึกนึกคิดของเราจะมีอย่างนี้ไปตลอด

เด็กน้อยก็มีประสบการณ์ของเด็กน้อย วัยรุ่นหรือคนทำงานก็มีประสบการณ์วัยของรุ่น วัยทำงาน คนชราคร่ำคร่าก็มีประสบการณ์ของคนชราคร่ำคร่า

เวลาคนแก่คนเฒ่าขึ้นมา มาฝึกหัดประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเหมือนทารก เหมือนทารกที่อ่อนแอ มันคิดตลอด มันช่วยตัวมันเองไม่ได้เลย นั่นคือเรื่องของจิตใจ แต่สถานะทางโลกเขาเป็นปู่ย่าตายายนะ เขาผ่านโลกมามากนะ แต่ในสติปัญญา ในคุณธรรมที่สามารถจะยับยั้งความคิดของตนเองได้นั้นยังสร้างขึ้นมาไม่ได้ เพราะไม่เคยมีการฝึกหัด

เราจะมาฝึกหัด เราจะมาประพฤติปฏิบัติ เราจะไปห่วงหาอาทรอะไรกับใคร การห่วงหาอาทรนั่นน่ะเป็นหัวเชื้อ นั่นล่ะเป็นสารตั้งต้นให้เราออกไป ให้กิเลสมันมีช่องทางของมันไป

แต่ถ้ามีสติปัญญา ปิดหมด ปิดให้หมดเลย แล้วพยายามฝึกหัดของเราๆ พอมันเป็นจริงขึ้นมา เห็นไหม เขื่อน ดูเขื่อนสิ ตอนนี้ภัยแล้ง น้ำในเขื่อนไม่มี เขาต้องไปทำฝนเทียมเหนือเขื่อนเพื่อให้เขื่อนมันกักเก็บน้ำไว้ได้ ถ้าเขื่อนมันกักเก็บน้ำไว้ได้ มันจะมีน้ำปล่อยมาให้กับชาวชนบท ให้กับชาวไร่ชาวนาได้ใช้สอยน้ำนั้น

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันแห้งแล้ง ค้นหาหัวใจไม่ได้ มันไม่มีสัจจะความจริงในใจของตนน่ะ เขื่อนไม่มีน้ำ แห้งจนเขื่อนมันจะระเบิดแล้ว

นี่ก็เหมือนกัน ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอันเลย ไม่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์กับเราเลย ถ้ามีประโยชน์กับเราขึ้นมา ถ้ามันเป็นประโยชน์กับเรา เราทำของเราได้ นี่พูดถึงว่านักปฏิบัติ

วันสำคัญทางพระพุทธศาสนามันเป็นวัฒนธรรม มันเป็นน่าชื่นชม น่าชื่นชมในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณี แต่ในการประพฤติปฏิบัติขึ้นมา สิ่งที่เป็นวัฒนธรรมประเพณีสิ่งที่ดีงาม อันนั้นมันเป็น เขาบอกว่า พระไตรปิฎกปิดธรรม พระพุทธรูปปิดธรรม

นี่ก็เหมือนกัน ประเพณีวัฒนธรรม เราเป็นชาวพุทธ เราเป็นคนยิ่งใหญ่ เราเป็นคนดี ดีหมดเลย แต่หัวใจทุกข์ยาก

แต่ถ้าเราทำของเรา เห็นไหม พระพุทธศาสนาเรียบง่าย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ เราเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เราเหยียบอยู่บนแผ่นดิน แผ่นดินไม่โอดไม่โอยไม่ปวดไม่ร้อนเลย

เรากลับบ้านเอาทางจงกรมกลับไปด้วยนะ ใครกลับบ้าน ที่นั่งสมาธิก็เอากลับไปด้วย ของเรา หวงไง มันไม่ไปด้วยหรอก มันอยู่นี่ แล้วแผ่นดินทางจงกรมมันก็ไม่โอดไม่โอย มันไม่คิดถึงบ้านมันด้วย มันไม่คิดรอบโลกด้วย เราเดินอยู่บนทางจงกรมนั่นน่ะ เราเป็นคนคิดต่างหาก

นี่ไง มีสติมีปัญญาไล่เขามา เราอุตส่าห์มา เราเสียสละเวลามา เราเสียสละหน้าที่การงานมา ไม่ต้องคุย ไม่ต้องคลุกคลี เพราะคลุกคลีที่ทำงานก็มี โลกเขามีกันอยู่แล้ว อยู่บ้านน่ะสำมะเลเทเมาอยู่แล้ว มานี่เข้าทางจงกรม แล้ว ๒๔ ชั่วโมงนะ

เวลาอยู่บ้าน โอ้โฮ! ไม่มีเวลาภาวนา โอ๋ย! เราเป็นคนทุกข์คนจน เราเป็นคนยาก

ตอนนี้ ๒๔ ชั่วโมง เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วกลับไปแล้ว ๒๔ ชั่วโมงเลย พรุ่งนี้เช้าเจอกัน

๒๔ ชั่วโมง ดูแลมัน รักษามัน นี่ไง ฝึกหัดไง มันจะได้รู้ว่า อ๋อ! ครูบาอาจารย์ท่านทำอย่างไร

เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เดินจงกรม หลวงปู่ตื้อนั่งสมาธิ ๗ วัน ๗ คืนอย่างนี้ เวลาครูบาอาจารย์เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาตลอดรุ่งอย่างนี้ ท่านทำของท่านอย่างไร

ถ้าไม่มีงานภายใน ไม่มีสติปัญญาควบคุมรักษาหัวใจของตน แผ่นดินลุกเป็นไฟ ทางจงกรมลุกเป็นไฟเลย จุดเทียนไว้จุดธูปไว้ เมื่อไหร่จะดับสักทีวะ เมื่อไหร่จะหมดดอกสักที

ทางจงกรมมันไม่เดือดร้อนนะ ไอ้คนเดินน่ะมันเดือดร้อน ไอ้หัวใจเรามันเดือดร้อน

แต่ถ้ามันสงบนะ อกาลิโก เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม

เวลาจิตมันสงบระงับ ไม่มีสิ่งใดมีคุณค่าเท่ากับหัวใจของมนุษย์ หัวใจของมนุษย์มีคุณค่ามาก

หลวงตาท่านไปไหนท่านบอกไปเอาหัวใจคน ไปเอาหัวใจคน

ที่ท่านตรากตรำบากบั่นอย่างนั้นก็เพื่อหัวใจของสัตว์โลก หัวใจของเราที่ทุกข์ที่ยากฟังธรรมๆ แล้วให้มีสติปัญญา ให้รู้จักนึกคิด ให้คิดเป็น คิดเป็น รักษาใจของตนเป็น รักษาหัวใจของเรา

สิ่งที่มีค่า อกาลิโก ไม่มีกาลไม่มีเวลา จะเด็ก ผู้ใหญ่ ชราคร่ำคร่า สมาธิคือสมาธิ เกิดเป็นภาวนามยปัญญาขึ้นมาก็จะเป็นภาวนามยปัญญาขึ้นมาจากจิตดวงนั้น จิตดวงนั้นมีค่า แล้วเราเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา เราจากบ้านมา เราเสียสละมาเพื่อมาค้นคว้าหาใจของตน เรามาหาสิ่งที่มีค่า

อย่าให้กิเลสมันมาปิดหูปิดตาว่า เรามาทุกข์มายาก เรามาลำบากลำบน อยู่ทางโลกก็เดือดร้อน ก็มีความทุกข์ความยาก ไปวัดไปวาเดินจงกรมก็มีแต่ความทุกข์ นั่งสมาธิก็มันทุกข์ๆ

มันทุกข์เพราะมันเป็นความเพียร มันเป็นความเพียร เป็นความวิริยะ เป็นความอุตสาหะ ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิด้วยความถูกต้องดีงามแล้ว มันจะเข้าไปสู่ความสงบนั้นแน่นอน เอวัง